
แผลเป็นคีลอยด์ (Keloid) คือเนื้อเยื่อแผลเป็นส่วนเกินที่ลุกลามเข้าสู่ผิวหนังปกติที่อยู่รอบข้าง มีลักษณะนูนหนาและขยายใหญ่ลุกลามออกนอกขอบเขตของบาดแผลเดิม มักขยายใหญ่ขึ้นตามเวลา และสามารถเจริญเติบโตได้อย่างไม่สิ้นสุด โดยจะไม่ยุบลงเองตามธรรมชาติ คีลอยด์มีแนวโน้มจะกลับมาเป็นซ้ำหลังการผ่าตัดเอาออก
สาเหตุ เกิดจากความผิดปกติในกระบวนการสมานแผลของร่างกาย ซึ่งมีการสร้างสารคอลลาเจน (Collagen) มากเกินไปมักเกิดหลังจากมีปัจจัยกระตุ้น เช่น การผ่าตัด การเจาะผิวหนัง แผลไฟไหม้ สิว ความตึงของผิวหนัง หรือการติดเชื้อ
อาการ มีลักษณะนูน แข็ง คล้ายยาง มักพัฒนาขึ้นภายในระยะเวลาหลายเดือนถึงหลายปีหลังจากเกิดบาดแผล สามารถขยายตัวออกไปนอกขอบเขตของแผลเดิม และอาจมีอาการเจ็บหรือคันร่วมด้วย
กระบวนการเกิดคีลอยด์
- Inflammatory process (48-72hr) เกิดหลังจากที่มีปัจจัยกระตุ้น ทำให้เนื้อเยื่อได้รับบาดเจ็บและมีการอักเสบทำให้มีการกระตุ้นของ extrinsic clotting pathway, กระตุ้นปฏิกิริยาของภูมิคุ้มกัน เช่น IL6, IL8, chemokines เซลล์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน
- Proliferative phase (week 1-7) หลังจากการอักเสบทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ และมีการสะสมของคอลลาเจนtype III
- Remodeling phase มีการสะสมของ คอลลาเจนtype I โดยคีลอยด์เกิดจากการที่ไม่สามารถควบคุมการสร้างคอลลาเจนได้ ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนที่มากผิดปกติ
การฉายรังสีรักษาป้องกันการเกิดแผลเป็นคีลอยด์
ปกติแล้วหลังการผ่าตัดเพียงอย่างเดียง โอกาสที่คีลอยด์จะกลับเป็นซ้ำสูงถึง 90% การฉายรังสีช่วยลดโอกาสในการเกิดแผลเป็นคีลอยด์ จาก 33% ลดลงเป็น 12.5%(Sclafani, Derm Surg, 1996, PMID 8646474) โดยต้องเริ่มฉายรังสีภายใน 24-72 ชั่วโมงหลังผ่าตัดเพื่อลดการอักเสบของเซลล์และลดปฏิกิริยาของภูมิคุ้มกัน
ทางเลือกอื่นๆในการรักษาคีลอยด์
- Cryotherapy โอกาสในการกลับเป็นซ้ำ = 48%
- Laser therapy โอกาสในการกลับเป็นซ้ำ = 40%
- Pressure therapy โอกาสในการกลับเป็นซ้ำ = 40%